Page 33 - ทางรถไฟทหาร
P. 33
4-8
7. การยกโค้งของรางนอก (Super Elevation of Outer Rail)
เนื่องจากในขณะที่ขบวนการรถไฟวิ่งเข้าทางโค้งนั้น ก่อนจะเริ่มเข้าโค้งขบวนรถได้แล่นมาในแนว
ทางตรง ความเฉื่อย (Inertia) ของขบวนยังมีความพยายามจะให้ขบวนรถแล่นตรงอยู่เสมอเมื่อถูกบังคับให้แล่น
เข้าทางโค้ง ความเฉื่อยนี้จะเป็นแรงอันสำคัญที่จะดันให้ขบวนรถออกนอกโค้งซึ่งเราทราบกันดีว่านั่นคือแรง
เหวี่ยง (Centrifugal Force) ฉะนั้นเพื่อจะทำการป้องกันในเรื่องนี้จึงจำเป็นจะต้องทำการยกรางนอกให้สูงกว่า
รางในเสมอ เช่นเดียวกับการยกโค้งบนทางหลวงเช่นเดียวกัน
สำหรับการยกโค้งรางนอกนี้จะเห็นได้ว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่างองศาของโค้ง (Degree of Curve
or CB.) กับความเร็วในการแล่นของขบวนรถไฟ สำหรับเรื่องนี้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ทำตาราง
สำเร็จไว้แล้วซึ่งจะหาหลักฐานได้จากแหล่งนี้โดยตรง
อย่างไรก็ดีสำหรับงานในสนามเขตยุทธบริเวณแล้ว เรามักจะจำกัดความเร็วของขบวนรถไว้ว่าไม่ควร
เกิน 30 - 35 ไมล์ต่อชั่วโมง และหากว่าไม่สามารถจะหาหลักฐานใด ๆ ได้ เราก็อาจจะใช้การคำนวณคิดหา
ระยะยกโค้งรางนอกได้จากสูตรต่อไปนี้คือ
2
สูตร E = 8WS / 2
เมื่อ E = ระยะยกโค้งรางนอกเป็นมิลลิเมตร (มม.)
W = ความกว้างของรางรถไฟเป็นเมตร (ของไทยกว้าง 1 ม.)
S = ความเร็วของรถไฟเป็น กม./ ชม.
R = รัศมีโค้งเป็นเมตร
ตัวอย่างที่ 7.3 การหาระยะยกโค้ง
ทางรถไฟกว้าง 1 เมตร รัศมีโค้ง 300 เมตร ความเร็วของรถไฟ 40 กม./ ชม.จงหาระยะยกโค้งของราง
นอก
2
วิธีทำ จากสูตร E = 8WS / 2
= 8x1x(40) / 300
2
= 12,800 / 300 = 42.66 ใช้ 43 มม.
หมายเหตุ กฎการปักป้ายความเร็ว เมื่อคำนวณได้ให้ปัดเศษทิ้งเป็นจำนวนเต็มที่หารด้วย 5 ลงตัว
ข้อจำกัดเกี่ยวกับเรื่องโค้ง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย คือในปัจจุบัน ร.ฟ.ท. ได้พยายามที่จะใช้โค้ง
สามัญให้มากที่สุดอยู่ตลอดเวลา สำหรับแนวทางรถไฟสายใหม่ ๆ ที่จะทำการก่อสร้าง และไม่พยายามจะใช้โค้ง
ให้แคบเกินไป (Sharp Curve) โดยบัญญัติไว้ว่าจะไม่ใช้โค้งที่รัศมีน้อยกว่า 150 เมตร เป็นอันขาด และหาก
จำเป็นต้องใช้โค้งที่รัศมี 150 เมตร จะจำกัดความเร็ว ต้องไม่เกิน 10 กม. ต่อชั่วโมง และโค้งใดๆ ที่องศาของ
โค้งไม่เกิน 10 องศาแล้ว (D = 10) นับว่าไม่ขัดกับการเดินรถเลย และขบวนรถก็สามารถจะใช้ความเร็วใน
ขณะที่แล่นในโค้งได้ถึง 15 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วปานกลางตามปกติของขบวนรถโดยสาร