Page 66 - สะพานเครื่องหนุนมั่น
P. 66
4-11
ื
วิธีการตรวจสอบแรงตัด หรอออกแบบแรงตัดสําหรบสะพานที่ใชตงไมนี้ มีวิธีแตกตางกับ
ั
ั
็
ตงเหล็ก ถาเราเปรียบเทียบไมกบเหล็กแลวจะเหนไดวาตงไมนั้นจะออนแอกวาตงเหล็ก และไมจะมี
จุดออนตรงรบแรงตัดตามเสนเนื้อไมไดนอยกวา และการกระจายของน้ํหนักลงบนตงไมระยะทอดสั้น ๆ นั้น
า
ั
ี่
ึ้
ิ
ตองมการปรับกนมาก แรงตัดอนเกิดจากน้ํหนกประจําทเกดขนตอนแรก และแรงตัดทเกดขนจากนํหนัก
ั
า
ั
ั
า
้
ิ
ึ้
ี
ี่
ั
ั
จร (ไมคิดแรง Impact) อาจหาไดในลักษณะเดียวกนกบตงเหล็ก
้
า
5.2.1 แรงตัดที่เกิดจากนํหนักประจํา (Dead Load Shear)
แรงตัดที่เกิดจากนํหนักประจําของตงแตละตวจะหาไดโดยวิธีเดียวกนกบวิธีหาใน
ั
ั
ั
้
า
ตงเหล็ก คือ
V
DL = V DL ( 4 - 12 )
Ns
า
้
5.2.2 แรงตัดที่เกิดจากนํหนักจร (Live load shear)
ี่
แรงตัดทเปนผล (Effective shear, V’ LL ) เนื่องจากวาสะพานตงไมมีระยะทอด
า
ี่
สั้นมากเมื่อเปรียบเทียบกบยานพาหนะทเราออกแบบใหขาม, จะมีการกระจายน้ํหนักออกทางขางเปน
ั
จํานวนมาก แรงตัดที่เปนผลอนเกิดจากน้ํหนักจร จงตองใชจํานวนทไดรับการเฉลี่ยจากการกระจาย
ั
ี่
ึ
า
แรงตัด กบที่ไมไดรบเฉลี่ยคือ.-
ั
ั
v¢ LL = ( V LL ) ( N 1 + 1 ) ( 4 - 16 )
4 N 1
ซึ่ง v¢ LL = Effective live load shear per stringer in kips
= Undistributed live load shear in kips
V LL
N 1 = Effective number of stringers
่
5.2.3 แรงตัดน้ํหนักจรทีออกแบบ (Design live load shear)
า
ั
ตงไมมีจุดออนในการรบแรงตัดขนานเสี้ยน (Horizontal shear) ดังนนจึง
ั้
า
ใชหนวยแรงตัดขนานเสี้ยนเปนแรงตัดใชงาน (Allowable shear load) ฉะนั้นคาของแรงตัดน้ํหนักจรนี้จะ
่
ี
ลดลงจากคาทางทฤษฏทีหาไดมาจากสูตร ( 4 - 16 ) จากการทดลองพบวา ความเสียหายจากแรงตัดจะ
า
ั
ึ้
เกิดขนเมื่อนํหนักเขม (Concentrated load) อยู ณ ระยะคงที่อนหนึ่งวัดจากเครองหนุน (Support)
้
ื่
ั
เปนระยะทเกิดแรงตัดสูงสุดมากกวา เมอน้ํหนักเขมอยูใกลกบเครื่องหนุน เนื่องจากความจรงที่วาน้ํหนักเขม
ิ
า
ื่
ี่
า
นนเมื่ออยูใกลกบเครองหนุน จะทําใหเกิดแรงอัดเสนไมทาใหการรบแรงตัดขนานเสี้ยนของไมดีขึ้น เมื่อ นน.
ั้
ั
ั
ํ
่
ื
ื่
่
เคลื่อนทีหางออกไปจากเครองหนุนประมาณ 1/4 ของระยะทอด
ี้
ระยะนจะทําใหเกิดความเสียหายแกไม เนื่องจากแรงตัดไดมากทสุด ดังนั้นใน
ี่
V
การออกแบบเกี่ยวของกบแรงตัดของน้ํหนักจร LL นจะได
ั
ี้
า