Page 71 - สะพานเครื่องหนุนมั่น

4-16

ั
้
้
เมื่อคานไดรบนํหนักและออนตัวลง สวนบนของคานจะสันลง และสวนลางของคานจะยืดออก ทั้งนี้
า



ี่
เนื่องมาจากการเกิดโมเมนตภายในคาน ซึ่งจะทําใหเกิดแรงอัดขนทสวนบนของคานจากผลนี้สวนของคานที่ได
ึ้
ิ

เกิดแรงอัดจะมีแนวโนมที่จะใหเกดอาการดุง ( buckle ) ขนรอบแกนทีออนแออาการดุงนี้จะมีการบิด (
ึ้
่


twist ) ผสมดวย เราจึงเรียกกนวา อาการดุงทางขาง ( Lateral buckling ) สําหรับคานไม สวนคานเหล็ก
ั
ํ
ั
ก็จะเกิดทานองเดียวกนกบคานไม
ั
8.1 คานไม ( Timber beams )
สูตรสําหรบคํานวณหาความยาวสูงสุดที่ไมตองใสแกงแนง มี ดังนี้
ั
Lu = 8.1 (b) ( 4 –30 )
fb
ซึ่ง Lu = maximum unsupport length in feet.
B = beam width in inches.
Fb = allowable bending stress in ksi.
ถา L ยาวกวา Lu (หรอถา d/b เกนกวา 2) จะมีความตองการ ใหใสแกงแนงตรงจดกงกลางและ

ึ่
ื

ิ
ุ
ั
ึ
จุดปลาย 2 ขางของระยะทอด แกงแนงยึดตงคือทอนไมยดติดกบตง ดงแสดงในรูป และมีความสูง d/2 ของ
ั

ตงเปนอยางนอย และตองติดตั้งไว ณ บริเวณตอนบนคือ ตอนที่เกดรบแรงอัด
ิ


ั
ึ
รูปที่ 4.3 แกงแนงยดตงสําหรับตงไม

B

3† MINIMUM d

d THICKNESS 2 b

d

l > Lu

8.2 คานเหล็ก ( Steel beams )

Allowable bending stress in compression จะมีมูลฐานมาจากอัตราสวน
Ld = 400

bt f
L = 400 btf

12d
ซึ่ง L = Laterally unsupported length in inches.