Page 90 - การวางแผนการก่อสร้าง
P. 90
7-3
ฉะนั้น การก าหนดเวลาท างานในแต่ละโครงการ จึงส่งผลกระทบกับราคาทางตรงและราคา
ทางอ้อมอย่างมิต้องสงสัย การเพิ่มราคาต่อวันเพื่อเร่งงานใดงานหนึ่งนั้น เป็นทางลาดตามเส้นโค้งของระยะเวลา
กับราคา นั่นก็คือ ความแตกต่างระหว่างราคาเร่งงานและราคาปกติ หารด้วย ความแตกต่างระหว่างเวลาปกติ
และเวลาเร่งงาน เมื่อราคาในวิถีวิกฤต หรือในสายงานวิกฤตใดน้อยกว่าราคาทางออมในแต่ละวันของโครงการ
้
แล้ว จึงเป็นการสมเหตุสมผลที่จะต้องเร่งรัดเวลาในสายงานวิกฤตนั้น เพราะเวลาปกติจะไม่ท าให้ราคาโดย
ทางอ้อมลดลงแต่อย่างใด
ข้อได้เปรียบประการหนึ่ง ของแผนผังลูกศรที่ดีกว่าแผนภูมิแท่ง (Bar Chart) ซึ่งใช้กันอยู่มากใน
ั
วงการก่อสร้าง ก็คือ สามารถแสดงความสัมพนธ์ของกิจการ (Activity) ต่าง ๆ ได้ง่ายกว่า Bar Chart ยิ่งถ้ามี
กิจการมาก ๆ หลายขั้นตอน หรือมีสายงานที่สับสนด้วยแล้ว Bar Chart ก็ยิ่งจะใช้ไม่สะดวก และการพิจารณา
ิ
สายงานวิกฤตก็ยากกว่า เพราะไม่ปรากฏได้ชัดแจ้งเหมือนกับแผนผังลูกศร ในการจะเร่งงานต้องพจารณาสาย
งานวิกฤตหรือกิจการที่วิกฤต ถ้าการเร่งงานกระท าในสายงานที่ไม่วิกฤตแล้ว จะเป็นการ สูญเสียเงินไปโดย
เปล่าประโยชน์ ฉะนั้นจึงต้องพจารณาให้รอบคอบอย่างยิ่ง และมักจะปรากฏอยู่เสมอว่า งานหรือกิจการที่ท า
ิ
เดินตามหลังตารางก าหนดเวลา คือ ท างานไปได้ช้ากว่าเวลาที่ก าหนดไว้ ซึ่งผู้รับเหมาอาจจะแก้ปัญหานี้โดยการ
ท างานล่วงเวลาในกิจการที่ท าได้ช้า ทั้งนี้เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จตรงตามเวลาที่ก าหนด
4. ตัวอย่างของการเร่งก าหนดเวลาท างาน (Example of Compressing time schedule)
สมมุติว่า งานก่อสร้างขนาดเล็กงานหนึ่ง แผนผังลูกศรกับตารางก าหนดเวลา และราคาค่าก่อสร้าง
ส าหรับงานนี้นั้นก าหนดไว้ตามรูปที่ 7.3 และตาตารางที่ 7.1 ซึ่งแต่ละกิจการหรือทุกขั้นตอนท างานต้องการ
้
ทรัพยากรแตกต่างกัน และก าหนดให้ราคาทางออม (Indirect Cost) เป็นวันละ 2,000 บาท จงหาราคา
ต่ าสุดและเวลาที่ใช้ส าหรับโครงการนี้
22
ข 3 ง
(14) (18)
22
0 8 28 40
18
1 ก 2 ค 4 จ 5 ฉ 6
(8) (10) (10) (6)
0 22 34
8 40
ช
(18)
รูปที่ 7.3 ตัวอย่างผังงาน