Page 85 - การวางแผนการก่อสร้าง
P. 85
6-9
งาน H(4-7) Dur.= 4 เริ่มต้นท างานเมื่อ งาน E เสร็จ งาน H ก็ขีดเส้นทึบจากช่อง 11-14
งาน I(2-7) Dur.= 8 เริ่มต้นท างานเมื่องาน B เสร็จ งาน I จึงตีเส้นทึบจากช่อง 5-12
งาน J(7-8) Dur.= 5 เริ่มเมื่องาน F, G, H และ I เสร็จ เมื่อพิจารณาดูงานทั้ง 4 แล้ว
สายงานที่มีเวลาการท างานมากที่สุด คือ สายงานของงาน G คือ สายงาน
ของงาน F = 15 งาน G = l6 งาน I = 12 ดังนั้น งาน J จึงเริ่มต้นขีดเส้นทึบ
ที่ช่อง 17-21
เมื่อขีดเส้นทึบเวลาท างานของแต่ละงานให้มีความสัมพันธ์กันดังในตารางที่ 6.7 แล้ว ก็พิจารณางาน
ที่เป็นงานวิกฤต มาขีดเส้นโยงลงมาให้ต่อเนื่องกัน ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบความผิดพลาดในการ ขีดเส้น
ของงานต่าง ๆ ด้วย
ข้อสังเกต ในการขีดเส้นทึบใช้ค่า ES และ ค่า EF ใน □ ที่หาง และหัวลูกศรของแต่ละงาน ขีด
ลงในช่องตารางเวลา เช่น งาน A ค่า ES ใน □ ที่หางลูกศร = 0 เราก็เริ่มขีดที่ ช่องที่ 1 และค่า EF ใน □ ที่
หัวลูกศร = 3 ก็ขีดมาถึง ช่องที่ 3
5.4.4 พิจารณาเวลาลอยตัว (Float)
หลังจากได้จัดเวลาลงในตารางเวลาแล้ว เพอประมาณการช่วงระยะเวลาการท างาน เช่นนี้
ื่
จะพบความแตกต่างระหว่างเวลาเสร็จงานเร็วที่สุด (EF) และเวลาเสร็จช้าที่สุด (LF) ส าหรับงานที่ไม่ส าคัญ คือ
งานที่ไม่เป็นงานวิกฤต เวลาที่เกินเรียกว่า เวลาลอยตัว (Float) ซึ่งเวลาลอยตัวนี้ได้ค านวณหามาแล้วจากตาราง
ค านวณ (Tabulation) ถ้างานย่อยใด มีเวลาลอยตัวรวม (TF) ก็จะขีดด้วยเส้นบางต่อจากเวลาการท างานของ
งานนั้นตามจ านวนที่ค านวณได้ ถ้าเป็นค่า IF กาเครื่องหมาย x (กากะบาท) ไว้ด้านขวาในวงเล็บ ค่า FF จะได้
จากช่องที่เหลือของ TF หลังจากได้กาเครื่องหมาย x ของ IF แล้ว
ในเส้นบางที่เป็น Float IF เขียนสัญลักษณ์ x เมื่อดูจากตารางแล้ว ผู้บริหารหรือผู้ควบคุม
โครงการเห็นเครื่องหมาย x นี้ ก็จะเป็นการเตือนไว้ว่าถ้างานใดต้องท าล่าช้าเข้าเขต x แล้ว งานอนซึ่งท าต่อ
ื่
จากงานนี้จะมีผลกระทบด้วย ส่วนขอบเขตของเวลาที่แสดงที่เขียนเวลาลอยตัว Float ที่เหลือไว้ ไม่มี
เครื่องหมายใด ๆ ก็ให้ถือเป็น Free Float
จากตัวอย่างในตารางที่ 6.7 เมื่อพิจารณาค่าลอยตัว (Float) แล้วน ามาใส่ลงในตารางงาน
ก่อสร้าง (Construction Schedule) จะได้ตารางดังที่แสดงในตารางที่ 6.8