Page 36 - การวางแผนการก่อสร้าง
P. 36
2-14
เวลาดังกล่าวทั้ง 3 ข้อ มีส่วนที่สัมพันธ์กัน เมื่อทราบเวลาจ านวนสองข้อ จะทราบเวลาของข้อที่เหลือ ดัง
ตัวอย่างที่ 2.1
ตัวอย่างที่ 2.1 สมมุติว่ามีก าหนดการจะมีการเลี้ยงรับประทานอาหารเย็น เวลา 1900 แม่ครัวขอเวลาปรุง
อาหาร 2 ชั่วโมง อาจจะเขียนเป็น Diagram ดังนี้
1700 เริ่มปรุงอาหาร 1900 ปรุงอาหารเสร็จ
ช่วงเวลาปรุง 2 ชม.
จากตัวอย่างที่ 2.1 จะได้เวลาเริ่มต้นการปรุงอาหารไม่ควรเกินเวลา 17.00 หรืออาจเขียน
เป็นสมการได้ดังนี้
เวลาเริ่มต้น + ชวงเวลาท างาน = เวลาเสร็จงาน
่
การก าหนดช่วงเวลาท างานเป็นส่วนส าคัญ ที่จะช่วยให้แผนที่วางไว้สัมฤทธิ์ผล หรือเป็นไปตาม
เป้าหมาย การก าหนดเวลาท างานจึงต้องก าหนดให้เป็นจริงตามสภาพของงาน ถ้าก าหนดเวลาไว้สั้น งานจะ
ไม่เสร็จตามแผน ถ้าก าหนดเวลาไว้มาก งานจะเสร็จช้าเสียเวลา
5.2 การก าหนดช่วงเวลาท างาน
โดยปกติการก าหนดช่วงเวลาท างานจะก าหนดขึ้นได้จาก ความช านาญ ประสบการณ์ และการ
ค านวณคาดคะเน
5.2.1 ความช านาญ เป็นผลที่ได้มาจากการปฏิบัติงานนั้นอยู่เสมอจนเคยชิน สามารถ
ู
ก าหนดเวลาท างานให้เสร็จอย่างถกต้อง หรือใกล้เคียง เช่น ถ้ามีผู้ถามว่า ใช้เวลาเดินทางจากบ้านมาที่ท างาน
กี่ชั่วโมง ทุกคนที่ปฏิบัติอยู่แล้วทุกวันจะสามารถตอบได้ทันที อาจผิดพลาดไปบ้าง ก็เนื่องจากเหตุสุดวิสัย
ี
่
5.2.2 ประสบการณ์ ส าหรับผู้ที่ไมมความช านาญมาก่อน แต่เคยเห็นและสังเกตการ
ปฏิบัติงานนั้นมาแล้ว การก าหนดเวลาท างานขึ้นได้อย่างใกล้เคียง เช่น เวลาที่ใช้ในการปรุงอาหาร แม้ว่าตนเอง
ไม่เคยปรุงแต่เคยเห็นหรือจากการสอบถาม ก็จะหาค าตอบ เวลาที่ต้องใช้ไปได้
5.2.3 การค านวณ วิธีนี้เหมาะส าหรับผู้ไม่มีความช านาญหรือประสบการณ์มาก่อน แต่อาศัย
ข้อมูลสถิติบางอย่างที่เกี่ยวข้องมาคดค านวณ หาช่วงเวลาท างานได้ และปรับปรุงให้เหมาะสมกบสภาพที่เป็น
ั
ิ
จริง ตัวอย่างเช่น ต้องการทราบระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ โดยรถยนต์ส่วนตัว ถ้าทราบ
ระยะทางที่ห่างกันระหว่าง กรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ ความเร็วของรถที่ใช้ในการเดินทางก็อาจค านวณหา
ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางได้ แต่วิธีค านวณนี้ยังมีส่วนที่ผิดพลาดได้ง่ายเพราะสถิติและข้อมูลที่มีอาจไม่
ี
ละเอยดพอ ผู้ค านวณอาจลืมบางสิ่งบางอย่างที่ส าคัญ ท าให้เวลาที่ค านวณได้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น