Page 66 - ทางและสนามบิน
P. 66
6-11
ตัวอย่างที่ 6.5
กำหนดให้ ความลึกของดินถมเท่ากับ 1.50 เมตร
จงหา ขนาดของท่อที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถนำมาใช้ได้และหาระยะถมหลังท่อที่น้อยที่สุด
วิธีทำ สูตร D = 2F / 3
= ( 2 x 1.50 ) / 3 ระยะดินถม = D/2
= 1.00 เมตร
ระยะถมหลังท่อที่น้อยที่สุด = D / 2 F
= 1.00 / 2 D
= 0.50 เมตร
8. ฐานรากของท่อ (FOUNDATION)
ื้
ื้
ท่อทางขวางโดยทั่วไปต้องสร้างบนพนฐานราก ซึ่งเป็นดินและได้รับการบดอดอย่างดี พนฐานราก
ั
ื้
จะต้องได้รับการตกแต่งให้ได้รูปเพื่อให้ท่อวางแนบลงไปกับพนประมาณ 1 / 10 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของ
ื่
่
ื้
ท่อ และพนฐานรากของท่อทางขวางจะต้องทำให้เป็นแองเว้าลงไปเล็กน้อยตามแนวศูนย์กลางของท่อ เพอให้
สามารถปรับการวางท่อให้เข้าที่ตามที่ต้องการได้สะดวกมากขึ้น
9. การถมกลับ (BACK FILL)
ั
ใช้ดินที่ขุดไว้ถมกลับลงไป แลัวบดอดด้วยมือหรือเครื่องกลให้แน่นสูงขึ้นมาเท่ากับ 1 / 2 ของ
ิ่
เส้นผ่านศูนย์กลางของท่อหรือให้สูงพอที่จะบังคับท่อให้แน่นอยู่กับที่ แล้วถมเพมเติมโดยใช้เครื่องมือหนักบด
อัดขึ้นมาจนได้ระดับความสูงที่ต้องการ
10. การออกแบบการระบายน้ำใต้พื้นผิวทาง
10.1 การระบายออก กระทำได้โดยใช้คูเปิดลึก (DEEP OPEN DITCH)
เพื่อดักน้ำใต้ดิน หรือเพื่อลดระดับน้ำที่ไหลอยู่ใต้ดิน เพื่อชักน้ำออกไปยังพื้นที่ถ่ายเท
ที่เหมาะ คูนี้จะสร้างขึ้นนอกขอบเขตของทาง และห่างออกไปจากแนวทางตามต้องการ โดยทั่วไป
การระบายน้ำใต้ผิวพื้นมักใช้ท่อระบายน้ำใต้ดิน (SUBSURFACE DRAIN) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 150
- 200 มม. ท่ออาจเป็นชนิดเจาะรู (PERFORATED) หรือท่อผิวเรียบก็ได้ ชนิดเจาะรูจะประกอบด้วยรูเล็กๆ
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 -10 มม. แบบของคูเปิดลึกซึ่งนิยมใช้กันมีอยู่ 2 แบบ คือ
10.1.1 แบบที่ 1
ประกอบด้วยคูซึ่งมีหิน หรือกรวดที่มีขนาดต่าง ๆ กัน โดยให้ขนาดใหญ่อยู่
ตอนล่างของคู และขนาดเล็กอยู่ตอนบน และชั้นบนสุดถมด้วยหินที่กระทุ้งแน่น เพอขจัดน้ำบนดินซึ่ง
ื่
ไหลซึมลงไป น้ำใต้ดินไหลเข้าไปในคูได้บริเวณช่องว่างระหว่างหินใหญ่ หรือกรวดที่ซ้อนกันในตอนล่างของ
คู แล้วไหลไปตามแนวคู
10.1.2 แบบที่ 2
มีลักษณะเช่นเดียวกับแบบที่ 1 แต่มีท่อกลมรูพรุนวางตรงก้นของคู ลาดของแนว
ท่ออย่างน้อยที่สุดใช้ 0.5%