Page 29 - การดาดผิว
P. 29

3-3

                              กรณีที่  2.    ถ้าคัทแบคแอสฟัลต์นั้นเป็น  MC  หรือ  SC  แม้จะมีขนาดความหนืดสูง  เช่น

               MC,SC-800 หรือ  MC, SC-3000  แม้จะเหนียวเร็วภายใน 2-3 นาที      แต่ก็จะไม่แข็งตัวหรือยังคงเยิ้มอยู่
               ภายหลัง 24 ชม.ไปแล้ว

                        3.6 การทดสอบเผาแล้วดมกลิ่น (Heat Odor Test)

                                หลังจากการทดสอบการป้ายใน ข้อ3.5 แล้วเราจะสามารถแยกได้ว่าคัทแบคแอสฟัลต์นั้นเป็น
                                                        ็
                                                                            ็
               ชนิดใด ระหว่างชนิดบ่มแข็งเร็ว  (RC) หรือบ่มแขงตัวปานกลางและบ่มแขงตัวช้า(MC และ SC) เราจึงต้องทำ
               การทดสอบต่อไป เพื่อพิสูจน์ทราบว่าคัทแบคแอสฟัลต์นั้นเป็นชนิดบ่มแข็งตัวปานกลาง (MC) หรือบ่มแข็งตัวช้า

               (SC)  โดยการเผาตัวอย่างวัสดุฯ  ในภาชนะเปิด    เพื่อให้น้ำมันที่ผสมอยู่ระเหยออกมาให้เราพิสูจน์ทราบกลิ่น
               ซึ่งจะปรากฎผลได้สองกรณีคอ
                                       ื
                                     กรณีที่ 1.  ถ้าคัทแบคแอสฟัลต์นั้นเป็นชนิดบ่มแข็งตัวเร็วปานกลาง (MC) ก็มักจะมี
               กลิ่นฉุนรุนแรงของน้ำมันก๊าด (Kerosene)

                                     กรณีที่ 2.  ถ้าคัทแบคแอสฟัลต์นั้นเป็นชนิดบ่มแข็งตัวช้า  (SC)  ก็จะมีกลิ่นอ่อน  ๆ
               จาง ๆ ของน้ำมันเครื่องร้อน ๆ (Hot Moter oil)

               4. การพิสูจน์ทราบอีมัลซีไฟด์แอสฟัลต์

                                               ิ
                        4.1 การทดสอบการละลายปโตรเลี่ยมกลั่น  (Solubility Test)
                                     เช่นเดียวกับข้อ  3.1  การทดสอบนี้กระทำเป็นอย่างแรกสุดเพื่อแยกชนิดของวัสดุบิทู
               มินัสโดยการหยดวัสดุฯ 1-2 หยดลงในปิโตรเลี่ยมกลั่น เช่น เบนซิน, น้ำมันก๊าดหรือน้ำมันดีเซล     แล้วทำการ

               กวน  ถ้าวัสดุนั้นเป็นอีมัลซิไฟด์แอสฟัลต์ จะปรากฎผล คือ มันจะรวมตัวกัน เป็นเม็ดกลม ๆ (คล้ายลูกปัดของ

               ปรอท)  นอนอยู่ที่ก้นภาชนะ
                        4.2 การทดสอบสี   (Colour Test)

                                     เป็นการทดสอบโดยการมองด้วยตาเปล่า  โดยที่อีมัลซีไฟด์แอสฟัลต์จะมีสีน้ำตาลปน
               ดำใน ขณะที่วัสดุบิทูมินัสชนิดอื่นจะมีสีดำทั้งหมด

                        4.3 การทดสอบผสมกับน้ำ   (Water - Mixing test)

                                     เป็นการทดสอบที่ให้ผลชัดเจนมากเพราะวัสดุบิทูมินัสชนิดอื่นจะไม่ยอมผสมกับน้ำ
                                                                                       ิ่
                            ี
               เด็ดขาด  แต่อมัลซิไฟด์แอสฟัลต์มีน้ำผสมอยู่ในตัวอยู่แล้ว  และยังสามารถผสมน้ำเพมได้อีก  ในการใช้งาน
               บางอย่างต้องผสมน้ำเข้าไปถึงหนึ่งเท่าตัว  ในการทดสอบเราผสมน้ำจำนวนเล็กน้อย  กับวัสดุฯ  ตัวอย่าง      ถ้า

               ผสมกันได้อย่างสม่ำเสมอกลมกลืน วัสดุฯ นั้น คือ  อีมัลซิไฟด์แน่นอน
                       4.4 การทดสอบสังเกตเปลวไฟ  (Flame test)

                                     เป็นการทดสอบเพื่อแยกอมัลซิไฟด์แอสฟัลต์กับวัสดุบิทูมินัสชนิดอื่น  ๆ  โดยการนำ
                                                          ี
               เศษผ้าไป  จุ่มวัสดุ  ฯ  ที่ต้องการพิสูจน์ทราบให้ชุ่มแล้วนำเปลวไฟมาจี้    ถ้าเศษผ้า  ไม่ลุกติดไฟหรือเพียงติด  ๆ

               ดับ ๆ วัสดุตัวอย่างนั้น คือ อีมัลซิไฟด์แอสฟัลต์แน่นอน  ถ้าเศษผ้าลุกติดไฟได้ง่าย  และลุกติดไฟได้ดี  วัสดุฯ

               ตัวอย่างนั้นไม่ใช่อีมัลซีไฟด์แอสฟัลต์ แต่เป็นวัสดุบิทูมินัสชนิดอื่น
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34