Page 40 - การดาดผิว
P. 40

4-9

                                           3.3.5.3 การปูราดสเลอรี่ซีล - โดยใช้เครื่องฉาบ - ปูราด  (Spreader)         ตาม

               รายละเอียดในข้อการปูราดสเลอรี่ซีล  (3.3.3)
                                     3.3.5.4 การบดทับ  สเลอรี่ซีลชนิดที่ 1, 2 และ 3  ไม่ต้องบดทับ     เว้นแต่ปูราดใน

               บริเวณกว้างมากเช่น ลานจอดรถหรือสนามบิน   ส่วนสเลอรี่ซีลชนิดที่ 4  ต้องทำการบดทับด้วยรถบดด้วยรถ

               บดล้อยาง 5 ตัน ชนิดยางเรียบ  ความดันลมยาง  345 กิโลปาสคาล  หรือ 3.5 กก./ตร.ซม. หรือ 50 ปอนด์/
               ตร.นิ้ว   บดทับไม่น้อยกว่า 5 เที่ยว    ด้วยความเร็ว 5-8 กม./ชม.

                                           3.3.5.5 การบ่ม -  ให้บ่มสเลอรี่ซีลไว้ระยะเวลาหนึ่งก่อนเปิดการจราจร  ถ้ามีความ

               จำเป็นอาจใช้ทราย  หรือหินฝุ่นสาดหน้าเพื่อให้รถยนต์ผ่านได้ เช่น ทางแยกหรือทางเชื่อม  ให้ตรวจสอบการ
               แตกตัวของอมัลซิไฟด์แอสฟัลต์  โดยสังเกตุการเปลี่ยนสีของวัสดุผสมจากสีน้ำตาล  เป็นสีดำ    และตรวจว่า
                          ี
               ปราศจากน้ำในส่วนผสมแล้ว    โดยใช้กระดาษซับน้ำบนผิวสเลอรี่ซีล  ถ้าไม่มีน้ำเหลือ              ปรากฎก็ให้เปิด
               การจราจรได้  โดยปกติระยะเวลาการบ่มจะประมาณ 3 ชั่วโมง

                        3.4 Chip Seal
                                     คือ   การแต่งผิวที่ทุกอย่างเหมือนกับการแต่งผิวแบบชั้นเดียวเพียงแต่มวลรวมที่ใช้

               จะต้องนำไปล้างให้สะอาดด้วยน้ำมันดีเซลก่อนนำไปก่อสร้างเท่านั้น

                        3.5 การแต่งผิวชั้นเดียว และหลายชั้น   (Single and Multiple surface treatment)
                                     คือ  การแต่งผิว  (Surface  treatment)    ของผิวทางเดิมที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ

               หรืออาจก่อสร้างเป็นผิวทางชั่วคราวเพื่อรอการก่อสร้างผิวทางชนิดอื่นที่ดีกว่าแทนก็ได้    ลักษณะการก่อสร้าง

               ได้แก่  การใช้วัสดุบิทูมินัสราดลงบนผิวทางเดิมหรือชั้นรากในกรณีทำผิวทางชั่วคราว  แล้วสาดเกลี่ยมวลรวมบด
               ทับหน้า โดยมีความหนาเท่ากับ "หนึ่งก้อนหิน" (One Stone thick) คือไม่มีการซ้อนทับกัน ถ้าทำครั้งเดียวก็

               เป็นการแต่งผิว ชั้นเดียว (Single Surface Treatment)  หรือถ้าสามครั้งก็เป็นการแต่งผิวก็เป็นการแต่งผิวสาม

               ชั้น (Multiple Surface Treatment) เป็นต้น  การแต่งผิวแบบนี้ต้องการเครื่องจักรเครื่องมือน้อย  และต้อง
               ก่อสร้างบนถนน หรือชั้นราก (Base Course)  ที่แข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักการจราจรได้ด้วยตัวมันเอง เพราะ

               การแต่งผิวนั้น ไม่ใช่ผิวทางทแท้จริง  ซึ่งไม่สามารถรับน้ำหนักการจราจรด้วยตัวเอง       จุดประสงค์แท้จริง
                                       ี่
                                ื่
                       ่
               ของการกอสร้างก็เพอ  กันน้ำไม่ให้ซึมลงสู่ชั้นราก, แต่งผิวหน้าผิวทางเดิมหรือชั้นราก เพื่อลดความสึกหรอจาก
               การจราจร
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45