Page 19 - การดาดผิว
P. 19

2-6

                              2.1.1 แอสฟัลต์ธรรมชาติ   (Natural Asphalt)

                                            เกิดจากการที่น้ำมันดิบรั่วขึ้นมาสู่ผิวโลก    แล้วถูกกลั่นตัวโดยปฏิกริยาของ
                                                                ั
               แดดและลม      จนเหลือแต่แอสฟัลต์ซีเมนต์  แต่แอสฟลต์ธรรมชาติมักมีสิ่งเจือปนอยู่มาก และหาพบไม่ได้
               โดยทั่วไป  จึงมีการผลิตแอสฟัลต์ซีเมนต์ขึ้นมา

                              2.1.2 แอสฟัลต์ที่ผลิตขึ้น   (Manufactured Asphalt)
                                            ในปิโตรเลี่ยมดิบประกอบด้วยแอสฟัลต์ (Asphalt base crude)  และปิโต

               รเลี่ยมดิบที่  ประกอบด้วยแอสฟัลต์และพาราฟิน  (Mixed  base  Crude)จะประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง  ๆ

               รวมทั้งแอสฟัลต์ด้วย   เมื่อเรานำปิโตรเลี่ยนดิบมากลั่นโดยผ่านปิโตรเลี่ยมดิบเข้าในท่อที่ให้ความร้อนซึ่งเพม
                                                                                                         ิ่
               อุณหภูมิขึ้นอย่างรวดเร็ว  จากนั้นจะผ่านเข้าสู่หอกลั่น  (Distillation  Tower)  เพื่อแยกส่วนประกอบที่เบากว่า

               (ระเหยง่ายกว่า)  ให้ออกมาตามลำดับ  คือ  แนพธา  (Naptha)  น้ำมันเบนซิน  (Gasoline)    น้ำมันก๊าด
               (Kerosene) และน้ำมันดีเซล (Diesel Oil) สารที่เหลือจากการกลั่น (Residue) คือ พวกส่วนประกอบที่หนัก

               (Heavy  Fraction)  จะถูกนำเข้ากรรมวิธีอีกครั้ง  (หรือกลั่นซ้ำ)    ก็จะได้พวกน้ำมันพวกระเหยยากเช่น
               น้ำมันหล่อลื่นต่าง  ๆ  (Lubricating  oil)  แต่แอสฟัลต์เป็นส่วนที่ไม่ยอมระเหยเมื่อมีการกลั่น  หรือเรียกว่า

               ผลิตภัณฑ์ส่วนที่เหลือจากการกลั่น  (Residual  Product)          เราจึงได้ผลิตภัณฑ์  แอสฟัลต์ออกมาเป็นตัว

               สุดท้าย เรียกแอสฟัลต์ชนิดนี้ว่า "แอสฟัลต์ซีเมนต์" (Asphalt Cement หรือ  AC.)
                              2.1.3 คุณสมบัติหรือลักษณะเฉพาะที่พึงปรารถนาของแอสฟัลต์ซีเมนต์

               (Desired Properties  or Characteristics of AC.)

                                                                          ่
                                     สำหรับจุดประสงค์ในด้านวิศวกรรมและการกอสร้าง              คุณสมบัติที่สำคัญของ
               แอสฟัลต์ มี 3 ประการ คือ

                                     2.1.3.1 ความหนืด  (Viscosity)

                                            บางครั้งเรียกว่า    ความข้นเหลว (Consistency),  ความเหลว(Fluidity)
                                                                       ึ่
               หรือพลาสติคซิตี้ (Plasticity) ที่อุณหภูมิปกติแอสฟัลต์จะมีสถานะกงแข็ง (77 ํF, 25ํ C) (Semi-Solid) โดยที่
               แอสฟัลต์เป็นวัสดุเทอร์โมพลาสติก  (Thermo  Plastic)  จึงจะคอย  ๆ  เหลวเมื่อได้รับความร้อน    แสดง
                                                                      ่
               ลักษณะเฉพาะโดยความหนืดที่อุณหภูมิต่างกัน  ความหนืดของแอสฟัลต์เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ จึงจำเป็นที่

               จะต้องกำหนดอุณหภูมิมาตรฐานสำหรับเปรียบเทียบความหนืดของแอสฟัลต์ซีเมนต์ แต่ละชนิด  การแบ่งเกรด

                                                     ุ
               ของแอสฟัลต์ซีเมนต์แบ่งตามช่วงความหนืดที่อณหภูมิมาตรฐานการระบุและการวัดค่าความหนืดของแอสฟัลต์
               ใช้การทดสอบหาความหนืด (Viscosity Test) หรือการทดสอบการทะลุทะลวง (Penetration Test)

                                     2.1.3.2 ความบริสุทธิ์    (Purity)
                                            แอสฟัลต์ซีเมนต์ที่ได้จากการกลั่นจะประกอบด้วยบิทูเมนบริสุทธิ์มากกว่า

               99.5 % สิ่งเจือปน (Impurities) ที่มีอยู่เป็นพวกสารเฉื่อย (Inert)  โดยปกติจะไม่มีน้ำปนอยู่ แต่การบรรจุหรือ


               การขนส่งอาจทำให้มีน้ำเข้าไปปะปนอยู่ได้ ซึ่งจะทำให้แอสฟัลต์เดือดเป็นฟอง เมื่อได้รับความร้อนมากกว่า 100

               ํ C  (212 ํ F)
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24