Page 95 - สะพานเครื่องหนุนมั่น
P. 95
5-3
้
รูปที่ 5.2 นํหนักทางดิงของตะมอตลิ่ง (Vertical Abutment Loads)
า
่
P sect = A sect g ( 7 - 3 )
Surcharge
P LL
P DL Soil
Bearing Plate
า
ั
ู
ซึ่ง A sect = พื้นที่ของรปตดเปนตารางฟุต, g = หนวยน้ํหนักของวัสดุที่สรางในหนาตัดนั้น
3
ั
สําหรบคอนกรตใช gc = 150 lb/ft.
ี
น้ํหนักของรูปตัดใด ๆ จะกระทาในแนวดิ่งผานจุด Centroid ของหนาตัดนั้น ๆ
า
ํ
1.2.4 แรงดันของดิน (Soil Forces)
า
้
นํหนักของดินที่กระทําตอตะมอดานหลัง และตอน heel ของตะมอ สามารถหา
ั
ออกมาได ในทํานองเดียวกนกบการหาน้ํหนกของตะมอคือ P sect = A sect x g s คาของ s
ั
ั
า
ั
ั
ิ
สําหรบดนชนิดตางๆ จะหาไดจาก ผนวก ง -1 เพื่อคดชดเชย (To Account )ใหสําหรบการจราจรของ
ิ
ั้
ยานพาหนะซึ่งเขาอยูใกลตะมอของเรา ดังนนจึงตั้งชั้นดินสมมุติฐานขึ้น (Hypothetical layer of soils) หรือ
ิ
ู
ึ้
Surcharge ซึ่งสมมุติขนใหเปนดนถมหลงตะมอ ความสงของ Surcharge คือ
ั
h = bridge class , in feet ( 5 - 4 )
su
20
แรงทางดิ่งของดินนี้ไดแสดงไวในรูป
า
1.2.5 แรงดันขนของนํ (hydrostatic Uplift)
้
ึ
้
า
ู
้
ํ
ิ
ตะมอตลิ่งควรตั้งอยูในตาแหนงทถกตอง และมการระบายนํเพื่อ มใหแรงดันขนของ
ี
ึ้
ี่
่
ึ้
า
้
นํเกิดขนโดยการตั้งตะมอใหอยูเหนือระดับน้ํทวม และใหอยูในที่ซึงมีมวลดินเปนเมล็ดทั้งขางหลังและขางใต
า
็
ของตะมอ และติดตั้งใหมีชองน้ํ (Weepholes) ขนในตะมอ เมื่อเปนเชนนี้แลว แรงนีกจะสามารถกาจัดออก
ํ
า
ึ้
้
ได
1.3 นํหนักตามทางยาว (Longitudinal Loads)
้
า