Page 31 - Way&Airfield
P. 31
2-9
5.1 เมื่อตั้งกล้องวัดมุมที่จุด PC
5.1.1 ตั้งกล้องวัดมุมที่ PC เล็งกล้องไป PI ตั้งค่าจานองศาราบเท่ากับ 0° 00′ 00″
5.1.2 หมุนกล้องวัดมุมด้วยมุมองศาราบ d/2
5.1.3 วัดระยะจากจุด A ไปเป็นระยะ A-1 ตามแนวเล็ง A-1 จะได้จุด 1บนโค้ง
5.1.4 หมุนกล้องวัดมุมด้วยมุมองศาราบ ( d/2 + D/2 )
5.1.5 วัดระยะจากจุด 1ไปเป็นระยะคอร์ดจากจุด 1 ถึงจุด 2 แกว่งเทปที่จุด
ตัดกับแนวเล็ง A-2 จะได้ จุด 2
5.1.6 จุด 3,4 เช่นเดียวกับจุด 2 โดยมุมจะเพิ่มขึ้นอีกจุดละ D/2
5.1.7 จุด PT เพิ่มมุมเบี่ยงเบนจากแนวเล็ง A-4 อีก d/2
5.1.8 ตรวจสอบมุมเบี่ยงเบนจากเส้นสัมผัส AVไป PT ต้องเท่ากับ ∆/2
5.2 เมื่อตั้งกล้องวัดมุมที่จุดใดจุดหนึ่งบนโค้ง
5.2.1 สมมุติว่าหลังจากวางโค้งจากจุด A ถึงจุด 1 แล้ว มีสิ่งกีดขวางส่องแนว A-2 ไม่ได้
ให้เลื่อนจุดจากจุด A ไปตั้งที่จุด 1 ซึ่งมองเห็นจุด PC จุด PT และจุดต่าง ๆ ตามแนวโค้ง
5.2.2 ส่องเล็งกลับไปจุด A ตั้งค่าจานองศาราบเท่ากับ 0° 00′ 00″ กระดกกล้องกลับ
จะได้แนวเล็ง A-1
5.2.3 หมุนกล้องไปทางจุด 2 ให้อ่านค่าจากองศาราบได้เท่ากับมุม VA1 (มีค่าเท่ากับมุม
เเรก = d/2 ) ลักษณะนี้จะเสมือนตั้งกล้องที่จุด A แล้วทํามุม VA1 (มีค่าเท่ากับมุมเเรก= d/2 )
5.2.4 ต่อไปการกําหนดจุด 2 ก็คือ หมุนกล้องจนอ่านค่ามุมได้ d/2 + D/2 และระยะ
คอร์ดจากจุด 1 ถึง 2 ตามแนวเล็ง 1 ไป 2
5.2.5 จุด 3,4 ก็ปฏิบัติตามทํานองเดียวกันกับจุด 2 โดยมุมจะเพิ่มขึ้นอีกจุดละ D/2
ตัวอย่างที่ 2.3 การหาค่าต่าง ๆ ของการวางโค้งวงกลมด้วยวิธีเบี่ยงเบน
กําหนด ∆ = 24° 15′ 00″ และ D = 10° 30′ 00″ จุด PI อยู่ที่ Sta. 37 + 932.967 ต้องการ
ทราบความยาวของโค้งและข้อมูลสําหรับส่วนต่างๆ ของโค้งรวมทั้งค่ามุมเบี่ยงเบนและคอร์ดสําหรับส่วน
โค้ง 25 เมตร
วิธีทํา (1)รัศมี R = 5729.58 / 10.5° = 545.674 เมตร
(2)ระยะเส้นสัมผัส T = R tan (∆ / 2)
= 545.674 tan (24° 15′/2)
= 545.674x0.2148 = 117.211 เมตร