Page 28 - การดาดผิว
P. 28
3-3
3.6 การทดสอบเผาแล้วดมกลิ่น (Heat Odor Test)
หลังจากการทดสอบการป้ายใน ข้อ 3.5 แล้วเราจะสามารถแยกได้ว่าคัทแบคแอสฟัลท์นั้นเป็น
ชนิดใด ระหว่างชนิดบ่มแข็งเร็ว (RC) หรือบ่มแข็งตัวปานกลางและบ่มแข็งตัวช้า(MC และ SC) เราจึงต้องทำ
ั
ื่
ิ
การทดสอบต่อไป เพอพสูจน์ทราบว่าคัทแบคแอสฟลท์นั้นเป็นชนิดบ่มแข็งตัวปานกลาง (MC) หรือบ่มแข็งตัว
ิ
ช้า(SC) โดยการเผาตัวอย่างวัสดุฯ ในภาชนะเปิด เพอให้น้ำมันที่ผสมอยู่ระเหยออกมาให้เราพสูจน์ทราบกลิ่น
ื่
ซึ่งจะปรากฎผลได้สองกรณีคือ
ั
กรณีที่ 1. ถ้าคัทแบคแอสฟลท์นั้นเป็นชนิดบ่มแข็งตัวเร็วปานกลาง (MC) ก็มักจะมี
กลิ่นฉุนรุนแรงของน้ำมันก๊าด (Kerosene)
ั
กรณีที่ 2. ถ้าคัทแบคแอสฟลท์นั้นเป็นชนิดบ่มแข็งตัวช้า (SC) ก็จะมีกลิ่นออน ๆ
่
จาง ๆ ของน้ำมันเครื่องร้อน ๆ (Hot Moter oil)
4. การพิสูจน์ทราบอีมัลซีไฟด์แอสฟัลท์
4.1 การทดสอบการละลายปโตรเลี่ยมกลั่น (Solubility Test)
ิ
ื่
เช่นเดียวกับข้อ 3.1 การทดสอบนี้กระทำเป็นอย่างแรกสุดเพอแยกชนิดของวัสดุบิทู
มินัสโดยการหยดวัสดุฯ 1-2 หยดลงในปิโตรเลี่ยมกลั่น เช่น เบนซิน, น้ำมันก๊าดหรือน้ำมันดีเซล แล้วทำการ
ั
ี
กวน ถ้าวัสดุนั้นเป็นอมัลซิไฟด์แอสฟลท์ จะปรากฎผล คือ มันจะรวมตัวกัน เป็นเม็ดกลม ๆ (คล้ายลูกปัดของ
ปรอท) นอนอยู่ที่ก้นภาชนะ
4.2 การทดสอบสี (Colour Test)
เป็นการทดสอบโดยการมองด้วยตาเปล่า โดยที่อมัลซีไฟด์แอสฟลท์จะมีสีน้ำตาลปน
ี
ั
ดำใน ขณะที่วัสดุบิทูมินัสชนิดอื่นจะมีสีดำทั้งหมด
4.3 การทดสอบผสมกับน้ำ (Water - Mixing test)
ื่
เป็นการทดสอบที่ให้ผลชัดเจนมากเพราะวัสดุบิทูมินัสชนิดอนจะไม่ยอมผสมกับน้ำ
ั
ี
ี
เด็ดขาด แต่อมัลซิไฟด์แอสฟลท์มีน้ำผสมอยู่ในตัวอยู่แล้ว และยังสามารถผสมน้ำเพมได้อก ในการใช้งาน
ิ่
บางอย่างต้องผสมน้ำเข้าไปถึงหนึ่งเท่าตัว ในการทดสอบเราผสมน้ำจำนวนเล็กน้อย กับวัสดุฯ ตัวอย่าง ถ้า
ผสมกันได้อย่างสม่ำเสมอกลมกลืน วัสดุฯ นั้น คือ อีมัลซิไฟด์แน่นอน
4.4 การทดสอบสังเกตเปลวไฟ (Flame test)
ั
ี
ื่
เป็นการทดสอบเพอแยกอมัลซิไฟด์แอสฟลท์กับวัสดุบิทูมินัสชนิดอน ๆ โดยการนำ
ื่
เศษผ้าไป จุ่มวัสดุ ฯ ที่ต้องการพสูจน์ทราบให้ชุ่มแล้วนำเปลวไฟมาจี้ ถ้าเศษผ้า ไม่ลุกติดไฟหรือเพยงติด ๆ
ิ
ี
ดับ ๆ วัสดุตัวอย่างนั้น คือ อมัลซิไฟด์แอสฟลท์แน่นอน ถ้าเศษผ้าลุกติดไฟได้ง่าย และลุกติดไฟได้ดี วัสดุฯ
ี
ั
ตัวอย่างนั้นไม่ใช่อีมัลซีไฟด์แอสฟัลท์ แต่เป็นวัสดุบิทูมินัสชนิดอื่น