Page 17 - การดาดผิว
P. 17

2-5

                              1.5.2 ลำดับขนาดเปิด     (Open Gradation)

                                                                          ี
                                            เมื่อมวลรวมหยาบและมวลรวมละเอยดผสมกันแล้ว       ปริมาณมวลรวม
                                                                                ี
                                                                  ุ
                   ี
                                         ุ
               ละเอยดมีอยู่ไม่พอที่จะเข้าไปอดช่องว่างทั้งหมดได้ และเชื้ออดก็มีปริมาณไม่เพยงพอเช่นกัน  จึงเหลือช่องว่าง
                                                 ี
                                  ี
               อยู่มาก มวลรวมคลุกมความทึบต่ำ หรือมความแน่น (Density) น้อย  ลำดับขนาดเปิดจะไม่มีมวลรวมที่มีขนาด
               เล็กกว่าเบอร์ 80
                              1.5.3 ลำดับขนาดสม่ำเสมอ  (Uniform Gradation)
                                            ประกอบด้วยมวลรวมที่มีขนาดเดียวกันทั้งหมดโดยเฉลี่ย  และมีขนาดเฉลี่ย

               ของมวลรวมจะ "เล็ก" กว่า 1 นิ้ว ลำดับขนาดชนิดนี้นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในงานแต่งผิว (Surface-
               Treatment) และการฉาบปิดผิวหน้า (Seal Coat) เช่น ใช้หินย่อยขนาด 1 นิ้ว, 3/4 นิ้ว, 1/2 นิ้ว, 3/8 นิ้ว ใน

               งานแต่งผิว และขนาด 1/8 นิ้ว ในงานฉาบปิดผิวหน้า เป็นต้น
                              1.5.4 ลำดับขนาดแมคคาดัม  (Macadam Gradation)

                                            ประกอบด้วยมวลรวมที่มีขนาดเดียวกันทั้งหมด โดยเฉลี่ยเช่นเดียวกับลำดับ
               ขนาดสม่ำเสมอแต่ต่างกัน  ที่ขนาดเฉลี่ยของมวลรวมจะ "โตกว่า" 1 นิ้ว  เช่น หินย่อยขนาด 2-1 นิ้ว (50-25

               มม.) ที่ใช้ในการก่อสร้างผิวทางแบบ "พีนีเทรชั่นแมคคาดัม" (Penetration Macadam)

               2. วัสดุบิทูมินัสหรือเชื้อประสาน   (Bituminus Material or Binder)

                        วัสดุบิทูมินัสหรือเชื้อประสานเป็นวัสดุชนิดที่สองที่ใช้ในการก่อสร้างถนนราดยาง ซึ่งแบ่งออกได้ 2
               ชนิด ตามกำเนิดของมัน คือ

                        แอสฟัลท์ หรือยางมะตอย (Asphalt)

                        น้ำมันดิน   (Tar)
                                                                                       ั
                      ซึ่งทั้งสองชนิดมีส่วนประกอบหลักเหมือนกัน คือ สาร "บิทูเมน"  แต่แอสฟลท์มีปริมาณสารบิทูเมน
                                                      ั
               ประกอบอยู่มากกว่า ในบางตำราจึงเรียกแอสฟลท์ว่า "บิทูเมน"  บิทูเมนนั้นหมายถึง สารที่ประกอบด้วยโมเลกุล
                                                                           2
               พวกไฮโดรคาร์บอน (Hydrocabon) ที่ละลายในคาร์บอนไดซัลไฟด์  ( CS  )

                      2.1 แอสฟัลท   (Asphalt)
                                  ์
                                                                                                  ึ้
                                     คือ เชื้อประสานสีน้ำตาลแก่ถึงสีดำ  มีบิทูเมนเป็นส่วนประกอบหลัก  เกิดขนเองตาม
               ธรรมชาติ หรือได้จากการกลั่นปิโตรเลี่ยมดิบ  (Crude Petroleum)
                              2.1.1 แอสฟัลท์ธรรมชาติ   (Natural Asphalt)

                                            เกิดจากการที่น้ำมันดิบรั่วขึ้นมาสู่ผิวโลก  แล้วถูกกลั่นตัวโดยปฏิกริยาของ
               แดดและลม      จนเหลือแต่แอสฟลท์ซีเมนต์  แต่แอสฟลท์ธรรมชาติมักมีสิ่งเจือปนอยู่มาก และหาพบไม่ได้
                                                              ั
                                             ั
               โดยทั่วไป  จึงมีการผลิตแอสฟัลท์ซีเมนต์ขึ้นมา

                              2.1.2 แอสฟัลทที่ผลิตขึ้น   (Manufactured Asphalt)
                                           ์
                                                                           ั
                                            ในปิโตรเลี่ยมดิบประกอบด้วยแอสฟลท์ (Asphalt base crude) และปิโต
               รเลี่ยมดิบที่ ประกอบด้วยแอสฟลท์และพาราฟน (Mixed base Crude)จะประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
                                           ั
                                                        ิ
               รวมทั้งแอสฟลม์ด้วย เมื่อเรานำปิโตรเลี่ยนดิบมากลั่นโดยผ่านปิโตรเลี่ยมดิบเข้าในท่อที่ให้ความร้อนซึ่งเพม
                                                                                                        ิ่
                          ั
                                                                                 ื่
                ุ
               อณหภูมิขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจะผ่านเข้าสู่หอกลั่น (Distillation Tower) เพอแยกส่วนประกอบที่เบากว่า
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22