Page 90 - การดาดผิว
P. 90
6 - 8
10. ในช่อง N (การปรับความคงทนเป็นกิโลกรัม)
1”
ถ้าตัวอย่างที่ทดลองไม่ได้ขนาดความหนามาตรฐาน 2 / และก็มีความจำเป็นที่จะหาความ
2
1”
คงทนของตัวอย่างที่ทดลอง เพื่อทราบน้ำหนักที่จะทำให้ชิ้นตัวอย่างเสียหายในขนาดความหนา 2 / จริง ๆ
2
ซึ่งโดยธรรมดาก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของชิ้นตัวอย่างทั้งหมดคอ 4” ดังนั้นความหนาของชิ้น
ื
ตัวอย่างจึงเปลี่ยนปริมาตรของชิ้นตัวอย่างที่ทดลองโดยตรง ซึ่งจะต้องได้มีการพิจารณาหาความหนาของชิ้น
ตัวอย่างที่ทดลอง โดยใช้ตารางที่ 6-6 (อัตราส่วนสัมพันธ์ของความคงทน) ซึ่งจะพบว่าในตัวอย่าง 6D นั้น มี
7”
ปริมาตรเท่ากับ 496 ลบ.ซม. (ช่อง F) มีความหนาเพียง 2 / เท่านั้น ซึ่งหนาน้อยกว่า 2 / (ช่อง C)
1”
2
16
1”
ซึ่งถ้าหากว่าชิ้นตัวอย่างนี้ความหนา 2 / ก็จะทำให้มีความคงทนมากขึ้นกว่า ดังนั้นความคงทนก็จะเพิ่มขึ้น
2
จาก 1045.45 กิโลกรัม โดยอัตราความสัมพันธ์ 1.04 ซึ่งได้จากตารางที่ 6-6 สำหรับปริมาตรตัวอย่าง 496
(ช่อง F) ควรจะได้ค่าที่ปรับแล้วคือ 1045.45 X 1.04 =1,087.27 กิโลกรัมลงในช่อง N
11. ในช่อง O (การไหล)
ค่าการไหลวัดได้ในอัตรา 1/100 นิ้ว (0.0254 ซม.) ซึ่งจะวัดในขณะที่ตัวอย่างรับแรงอัด (หรือ
น้ำหนักสูงสุด และสำหรับชิ้นตัวอย่าง 6D นี้วัดได้ 12
7. การพิจารณาหาปริมาณแอสฟัลต์ที่เหมาะ (OAC)
ตารางที่ 6-2 ตัวอย่างอันหนึ่งเกี่ยวกับการพิจารณาหาคุณสมบัติของมาร์แชล การใช้แบบฟอร์มและ
ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องช่วยที่จำเป็นสำหรับการพิจารณาหาปริมาณแอสฟัลต์ที่เหมาะสม (OAC) ตามข้างล่างนี้
7.1 โค้งการออกแบบของมาร์แชล (Marshall property curves)
1. ขั้นแรก คือ การใช้สถิติตัวเลขใน Data sheets โดยนำไปกำหนดเป็นโค้ง เช่น ในรูปที่
6-2 เพื่อหาค่าเฉลี่ย
2.การทดสอบคุณสมบัติจากโค้งการกำหนดจุดที่จะบรรยายต่อไปนี้ ได้มาจากการผสมโดย
ใช้แอสฟัลต์ซีเมนต์ ดังนี้
2.1 ค่าการไหลเพิ่มขึ้น เมื่อปริมาตรบิทูเมนสูงขึ้นในอัตราหนึ่ง (ยกเว้นในกรณีที่ม ี
ปริมาณบิทูเมนต่ำมาก ๆ)
2.2 ความคงตัวของมาร์แชล เพิ่มขึ้นเมื่อปริมาตรบิทูเมนสูงขึ้น จนถึงขีดอันหนึ่ง
จากนั้นความคงตัวจะลดลง
2.3 โค้งสำหรับหน่วยน้ำหนักของส่วนผสมทั้งหมด คล้ายกับโค้งความคงตัว
เว้นแต่ว่ายอดของโค้งหน่วยน้ำหนัก ปกติแล้วจะอยู่ที่ค่าปริมาณบิทูเมนสูงกว่ายอดโค้งความคงตัวเล็กน้อย
2.4 โค้งสำหรับ % ช่องว่างในส่วนผสมทั้งหมด จะลดลงเมื่อปริมาณบิทูเมนสูงขึ้น
ี่
ในมวลรวมคลุกแต่ละชนิด จะมีปริมาณช่องว่างต่ำที่สุดของมันเองอยู่ และความพยายามบดทับทใช้ในเรื่องนี้ไม่
อาจทำให้ช่องว่างลดต่ำลงได้ นอกจากจะเปลี่ยนวิธีการบดทับปริมาณช่องว่างของส่วนผสมที่อัดตัวแน่นจะเข้า
ใกล้ขีดต่ำสุดนี้ก็เมอปริมาณบิทูเมนของส่วนผสมเพิ่มขึ้น
ื่
2.5 โค้งสำหรับ % ช่องว่างที่ถูกอุดด้วยบิทูเมนจะเพิ่มขึ้นเมื่อปริมาณบิทูเมนสูงขึ้น
ี่
และจะเข้าใกล้ขีดสูงสุด ในลักษณะเดียวกันกับโค้งช่องว่างตามทได้กล่าวแล้วข้างบน(4)