Page 110 - การดาดผิว
P. 110
7-18
ั
ี่
้
- กรณีท Prime Coat หลุดหรือเสียหายต้องแกไขใหม่ให้เรียบร้อยก่อนทำชั้นทางแอสฟลต์คอนกรีตทับ
- กรณีท Prime Coat ทิ้งไว้นานอาจพิจารณาให้ทำ Tack Coat
ี่
รูปที่ 7-21 การเตรียมพื้นที่ก่อสร้าง
ค. ผิวทางลาดยางเดิม
ึ
- ต้องสะอาดปราศจากฝุ่นวัสดุสกปรกหรือวัสดุไม่พงประสงค์อื่นๆปะปน
- กรณีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอหรือเป็นคลื่นและไม่มีการทำชั้นปรับระดับให้ปรับแต่งให้สม่ำเสมอ
- กรณีผิวทางเดิมมีการยุบตัว (Sag and Depression) หรือเป็นแอ่งเฉพาะแห่งแต่ไม่ใช่จุดอ่อนตัว
้
(Soft Spot) ให้ปรับระดับส่วนที่ยุบตัวตามขอกำหนดของทล.-ม. 408/2532
- กรณีมีหลุมบ่อรอยแตกจุดออนตัวหรือความเสียหายของชั้นทางใดๆต้องตัดหรือขุดออกแล้วปะ
่
ซ่อมหรือขุดซ่อมแล้วแต่กรณี
- กรณีผิวทางลาดยางเดิมที่มแอสฟัลต์เยิ้มให้แก้ไขโดยการปาดแอสฟัลต์ที่เยิ้มออก
ี
- จะต้องทำ Tack Coat ก่อนก่อนทำชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตทับ
ง. การปูชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตบนพื้นสะพานคอนกรีตและบริเวณขอบโครงสร้างคอนกรีต
- ต้องขูดวัสดุยาแนวรอยแตกและรอยต่อส่วนเกินที่ติดอยู่ที่ผิวพื้นคอนกรีตออกให้หมดล้างทำความ
สะอาดทิ้งไว้ให้แห้งแล้วใช้เครื่องเป่าลมเป่าฝุ่นออกให้หมดแล้วทำTackCoat
จ. การวางแนว
- ก่อนการก่อสร้างชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตทุกชั้นจะต้องวางแนวขอบชั้นทางที่จะปูโดยการใช้
เชือกขึงวางแนวและยึดติดกับพื้นที่ที่จะปูส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีตให้แน่นหรือวิธีการกำหนดแนวอื่นใดที่
เหมาะสมและนายช่างผู้ควบคุมงานเห็นชอบ
- การปูชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตติดกับ Curb และ Gutter หรือส่วนของโครงสร้างใดๆทมีแนว
ี่
ถูกต้องตามแบบอยู่แล้วก็ให้ปูไปตามแนวนั้น
4.9การทำแปลงทดลองเพอกำหนดรูปแบบของการบดทับ
ื่
ี
- ก่อนเริ่มการก่อสร้างชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตเพอให้ใช้เครื่องจักรบดทับที่มอยู่ได้ถูกต้อง
ื่
เหมาะสมต่องานและเกิดประโยชน์สูงสุดควรทำแปลงทดลองในสนามยาวประมาณ 100
- 150 เมตรเพอกำหนดรูปแบบของการบดทับ (Pattern of Rolling) ที่เหมาะสมโดยพิจารณาจาก
ื่
ชั้นทางแอสฟัลต์คอนกรีตเมื่อบดทับเสร็จแล้วต้องมีความเรียบความแน่นสม่ำเสมอได้ระดับความลาดตาม
แบบและมคุณสมบัติอื่นๆถูกต้องตามที่กำหนด
ี