Page 20 - การดาดผิว
P. 20

2-8

                      การทดสอบการทะลุทะลวง           (Penetration        test)        นี้นับเป็นการทดสอบเชิง

               ประสบการณ์(Empirical)ส่วนการทดสอบโดยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์  (Scientific) ในเรื่องของความหนืด
               คือ การทดสอบความหนืด (Viscosity Test) แอสฟัลท์ซีเมนต์เกรดที่เหมาะสมและนิยมใช้ในประเทศไทย คือ

               เกรด 85 - 100 pen.และมีข้อควรจำว่า "การลงผิวบิทูมินัสที่ดีที่สุด คือการใช้แอสฟัลท์เป็นเชื้อประสาน" แต่

               แอสฟัลท์ซีเมนต์มีขอจำกัดอยู่ที่จะต้องมีเครื่องมือพิเศษสำหรับต้ม    และต้องการความร้อนสูงในการต้มเพื่อ
                               ้
               เปลี่ยนสถานะให้เป็นของเหลวก่อนการใช้งาน

                      2.2 คัทแบคแอสฟัลท์    (Cutback Asphalt)

                                     เป็นแอสฟลท์ชนิดที่สองซึ่งอยู่ในสถานะของเหลว  สามารถเทให้ไหลได้ที่อณหภูมิ
                                              ั
                                                                                                    ุ
               ปกติ  การที่แอสฟลท์ซีเมนต์ต้องการความร้อนสูงและเครื่องมือพเศษในการต้ม ทำให้ไม่สะดวกในการ
                               ั
                                                                         ิ
               ปฏิบัติงานจึงมีการทำให้แอสฟัลท์ซีเมนต์เหลวเสียก่อน โดยละลายแอสฟัลท์ซีเมนต์ในปิโตรเลียมกลั่นที่คดเลือก
                                                                                                    ั
               แล้ว และมีคณสมบัติเป็นตัวทำละลาย (Solvent) ทำให้สะดวกในการปฏิบัติงานยิ่งขึ้น เมื่อนำคัทแบคแอสฟัลท์
                         ุ
                                                                                    ี
               ไปใช้งาน จะต้องทิ้งให้ปิโตรเลี่ยมที่ผสมอยู่ระเหยไปจนหมดเสียก่อน แล้วจะเหลือเพยงแอสฟลท์ซีเมนต์ที่อยู่ใน
                                                                                           ั
               สภาพวัสดุประสานสถานะกึ่งแข็ง   การระเหยโดยการกลายเป็นไอ (Evaporation)  ของปิโตรเลี่ยมจะช้าหรือ
               เร็ว  ขึ้นอยู่กับความเป็นสารระเหยง่ายหรือยาก (Volatility) ของปิโตรเลี่ยมที่ใช้ผสมทำให้มีการแบ่งชนิด

               ของคัทแบคแอสฟัลท์ตามอัตราเร็วในการระเหย หรือเรียกได้อีกอย่างว่า   "การบ่มตัว" (Curing)
                                2.2.1 ชนิดของคัทแบคแอสฟัลท
                                                         ์
                                     2.2.1.1 คัทแบคแอสฟัลท์บมแข็งเร็ว  (Rapid Curing,RC.)
                                                            ่
                                            ได้จากการผสมแอสฟัลท์ซีเมนต์ เกรด 85-100 กับน้ำมันเบนซิน
               (Gasoline)

                                     2.2.1.2 คัทแบคแอสฟัลท์บมแข็งเร็วปานกลาง (Medium Curing, MC.)
                                                            ่
                                            ได้จากการผสมแอสฟัลท์ซีเมนต์ เกรด 120-150 กับน้ำมันก๊าด
               (Kerosene)

                                                            ่
                                     2.2.1.3 คัทแบคแอสฟัลท์บมแข็งตัวช้า  (Slow Curing, SC.)
                                            ได้จากการผสมแอสฟัลท์ซีเมนต์ เกรด 120-150  กับน้ำมันที่ระเหยช้า

               (Oil of low Volatility)   และได้จากการ กลั่นปิโตรเลี่ยมโดยตรง  ซึ่งเรียกว่า "Road Oil"

                                                              ์
                               2.2.2 ความหนืดของคัทแบคแอสฟัลท
                                     มีอยู่ 4 เกรด โดยบอกเป็นตัวเลข คือ 70, 250, 800, 3000 ความสัมพนธ์  ระหว่าง
                                                                                               ั
               ตัวเลขกับความหนืด คือ ตัวเลขที่น้อยกว่าแสดงถึงความหนืดที่น้อยกว่า         ตัวเลขมีหน่วยเป็นเซนติสโตด
               (Centistroke)ซึ่งบอกค่าความต้านทานการไหล ที่อณหภูมิ  60 ํ C คัทแบคแอสฟลท์จะหนืดมากหรือน้อย
                                                           ุ
                                                                                     ั
               ขึ้นอยู่กับ "สัดส่วนการผสม" ทำให้ได้คัทแบคแอสฟัลท์หลายความหนืดในแต่ละชนิด ซึ่งต่างก็เหมาะสำหรับการ

               ใช้งานที่ต่างกันไป ดังแสดงไว้ในตาราง  ท้ายเล่ม
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25