Page 11 - Eng
P. 11
8
UNIT 3
TENSES (กาล)
Tense (กาล) หมายถึงสิ1งที1แสดง “ลําดับเวลา” ของกริยาในประโยคเพื1อบอกให้รู้ว่าพฤติการณ์
นั\นๆ เกิดขึ\นเมื1อใด เช่น ได้เกิดขึ\นแล้ว, กําลังเกิดขึ\น, หรือจะเกิดขึ\นในอนาคต
Kind of Tenses (ชนิดของกาล) แบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ ๆ 3 ชนิด แต่ละชนิดแบ่งออกเป็น Tense
ย่อย ๆ อีก 4 Tense ดังต่อไปนี\ คือ
a) Present Simple Tense
(A) Present Tense b) Present Continuous Tense
(ปัจจุบันกาล) c) Present Perfect Tense
d) Present Perfect Continuous Tense
a) Past Simple Tense
(B) Past tense b) Past Continuous Tense
(อดีตกาล) c) Past Perfect Tense
d) Past Perfect Continuous Tense
a) Future Simple Tense
(C) Future Tense b) Future Continuous Tense
(อนาคตกาล) c) Future Perfect Tense
d) Future Perfect Continuous Tense
ก่อนจะอธิบายถึงการใช้ Tense ต่าง ๆ จะมีสัญลักษณ์ ที1แทนความหมายดังนี\
V = กริยาช่องที1 1, V = กริยาช่องที1 2, V = กริยาช่องที1 3
2
3
1
V = กริยาช่องที1 1 เติม ing, V = กริยาช่องที1 1 เติม s
ing
s
3.1. PRESENT SIMPLE TENSE
ใช้แสดงถึงพฤติการณ์ ที1เกิดขึ\นอยู่เสมอ ๆ เป็นประจําหรือปกตินิสัย ในการสร้างรูปประโยคทั1วไป
ให้มีลักษณะ Tense เป็น Present Simple Tense นั\น เราต้องจําโครงสร้างของประโยคดังนี\
Structure. ถ้ากริยาช่อง 1 นั\น
ถ้าประธานของประโยคเป็น I ลงท้ายด้วย o, ss, sh, ch,
You x ต้องเติม es
We V 1
They ถ้ากริยาช่อง 1 นั\น
พหูพจน์ ลงท้ายด้วย y และ หน้า
ถ้าประธานของประโยคเป็น He y เป็น พยัญชนะ ต้อง
She V ยกเว้น เปลี1ยน y เป็น ies
s
It
เอกพจน์ ถ้ากริยาช่อง 1 นั\นลงท้าย
ด้วย y และหน้า y เป็นสระ
ให้เติม s