Page 17 - ประปาสนาม
P. 17

2-2

                                     ิ
                                     ่
                                ่

                        1.2 แหลงน้านง

                                                                                     ี
                                                                                                        ็
                                                                                   ี่
                                                                                              ้
                                                                             ื่
                                  เช่น   ทะเลสาบ,  อ่างเกบน้า,  สระน้า  หรอ  แหล่งน้าอน ๆ   ทมลักษณะคลายคลึงกันกม ี


                                                                  ื
                                                   ็
                                                                                  ้
                                                      ี่
                                          ้

                                                               ้
                                                                       ี
                                                                      ี
                                       ้
                                                                                ี่
                                                                           ี
               การทาความสะอาดตัวเองไดคลาย ๆ กันกับทกล่าวมาแลว   แต่มอกวิธหนึ่ง ทใชการหมุนเวยนตามฤดูกาล
                                                                                            ี


                                                               ้
                                                 ี
               ทาความสะอาดได เช่น  แหล่งน้านิ่งไม่มโอกาสถ่ายเทได แต่พอถึงฤดูฝนควรปล่อยใหน้าฝนไหลลงอย่างแรง
                                                                                       ้
                               ้

                       ี่
                                     ี
                                                                                ็
                                                                            ็
                                                     ้

                                                                 ้
                                                                         ี่
               ๆ น้าฝนทไหลลงไปใหม่น้จะช่วยดันน้าเก่าใหลนออกและเขาไปแทนท  กนับเปนวิธการ ทาความสะอาดน้า
                                                      ้
                                                                                    ี



                    ี
               ไดวิธหนึ่ง
                 ้
               2. การตกตะกอน (ธรรมชาติ)
                                        ี

                       การตกตะกอน ในทน้หมายถึง การปล่อยใหน้าตกตะกอนเองตามธรรมชาติ ซึ่งบางแห่งกตกตะกอน
                                                           ้
                                       ี่
                                                                                                ็
                                                            ื
                                        ้
                                                          ี่
               ไดเรว บางแห่งกตกตะกอนไดชา ทั้งน้ขึ้นอยูกับสิ่งทเจอปนมากับน้า และสิ่งทมนุษยสรางขึ้นมาช่วย เช่น
                                         ้
                   ็
                 ้
                                                                                ี่
                                               ี
                                                                                       ้

                                                    ่
                                                                                     ์
                             ็

                                                                                                 ่

                                                                                    ่
                                     ้
                                          ่
                                                                                                  ื
                                                                                                     ้

                       2.1 การปล่อยใหน้าอยูนิ่ง ๆ และ นาน ๆ สิ่งทลอยปะปน (แขวนลอย) อยูในน้าจะตกลงสูพ้นทองน้า
                                                            ี่


                    ้
               ทาใหน้าใสได
                           ้
                                                 ่

                                                                                                       ้
                                                                     ี่


                                                                                      ี
                                                                                ิ

                                                      ็
                                       ้

                      2.2  จากการขุดคูใหน้าไหลลงสูอ่างเกบน้า        ขณะทน้าไหลจะเกดแรงเสยดทานกับตลิ่งทาใหน้า
                                                ี
                                               ี่

                                                                            ้
                                                               ้

                                                   ่

                           ็
               หมุนวนขึ้น เปนการผสมกรดกับด่างทมอยูในน้า จะทาใหน้าตกตะกอนได
                                                        ี่
                                       ็
                                                     ้
                                           ี
                                     ี
                                                                        ้
                             การตกตะกอนน้เปนวิธทช่วยเจาหนาทประปาไดบางเล็กนอยเท่านั้น
                                                                ้
                                                                 ้
                                            ี่
                                                 ้
                                         ่
                           ื
               3. การใชสอตะกอน  (เรงธรรมชาติ)
                          ่
                         ้
                                                                        ี
                                                        ้
                                           ็
                       การใชสอตะกอน  คือ  เปนการกระทาใหน้าใสก่อนกรองวิธหนึ่ง คลาย ๆ กับ การตกตะกอนแต่


                             ื่
                                                                               ้
                            ้
                                                               ี่
                                                                                                   ็
                                                             ี
                                    ี
                        ื่
                                     ็
                                                                                         ื่

                                                                    ื่

                                                                                             ้
                                         ี
                                                          ็
                       ้
                 ี
               วิธการใชสอชักตะกอนน้เปนวิธเรงธรรมชาติ คือ เปนวิธทเพิ่มสอชักตะกอนลงไปในน้าเพอใหน้าใสเรวขึ้น
                                           ่

                                        ิ
               และทาใหการกรองมีประสิทธภาพยิ่งขึ้น
                       ้

                            ้
                             ื่
                                                                                ี

                       การใชสอชักตะกอนในการประปาสนาม หมายถึง การนาเอาสารเคมเพิ่มลงไปในน้าตามอัตราส่วน
                                 ี่
                                                         ่
                 ื่
               เพอแยกเอาอนุภาคทลอยปะปน (แขวนลอย) อยูในน้า ตั้งแต่ขนาดใหญจนถึงขนาดเล็ก ออกจากน้าถาเปน

                                                                                                     ้

                                                                            ่
                                                                                                        ็
                                                                          ่
                                                                             ี่
                                                                               ้
                                                                                         ้
               อนุภาคขนาดใหญจะตกตะกอนง่ายกว่าอนุภาคขนาดเล็ก และความขุนทสรางปญหาใหกับการประปา
                               ่
                                                                                  ั
               สนามอย่างมาก มักเกดขึ้นจากอนุภาคทมขนาดเล็กมาก ทเรยกว่า "อนุภาคคอลลอยด" (Colloidal particle)
                                                                                        ์
                                                 ี่
                                                   ี
                                  ิ
                                                                ี่
                                                                  ี
                                                                     ้
                                        ้

                                                                  ื่
                               ี่
                                                   ้
                                                                                                     ่
                                            ้
                       ดวยเหตุทกล่าวแลวขางตน จึ งตองมีการกระทาเพอใหอนุภาคทลอยปะปน  (แขวนลอย)อยูในน้า
                                      ้
                        ้
                                                                             ี่

                                     ี
                                                                          ี่
                                                                                        ้
                         ็
                                ี่
               รวมตัวกันเปนกอนทเราเรยกว่า   "ฟลอค"  (Floc)  และมีน้าหนักพอทจะตกลงกนถังดวยขบวนการ "โคแอค
                                                                                   ้
                            ้

               กูเลชั่น" (Coagulation)
                                                                                   ็
                                       ็
                                           ่
                                           ื
                                                                                                 ื
                                 ี
                                   ่
                                     ้
                       3.1 สารเคมทีใชเปนสอชกตะกอนในการประปาสนาม แบงออกเปน 2 จ าพวก คอ
                                                                            ่
                                             ั
                                       ่
               จ าพวกกรด และ จ าพวกดาง

                                                              ้
                                                    ู
                                              ี่
                                 3.1.1 จาพวกกรด ทมาในรปของสารสม (Alum) ไดแก่
                                                                        ้
                                           ้
                                             - สารสมธรรมดา   (Aluminum sulfate)
                                             ี

                                                            ้

                                                                          ี
                                            มคุณลักษณะทาใหน้าตกตะกอนเพยงอย่างเดียว
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22