Page 17 - ประปาสนาม
P. 17
2-3
ี
1.2.3 ส
่
ิ
ี
สในแหล่งน้าธรรมชาติ ส่วนใหญเกดจาก
2.2.3.1 การเน่าเปอยของพืชหรอใบไมรอบ ๆ แหล่งน้า
ื
ื่
้
2.2.3.2 การตายตามวงรอบของวัชพืชในน้าจนเกดการเน่าเปอย
ิ
ื่
ี
2.2.3.3 น้าเสยจากโรงงานอุตสาหกรรม
2.2.3.4 ท่อน้าทิ้งจากเขตชุมชน
ดังนั้น การประปาสนามจึงตองไม่มสในน้ามากกว่า 20 PPM. (Part Per Millions)
ี
ี
้
(20 ส่วนต่อลานส่วน)
้
ิ
่
สทีปรากฏในแหลงน้า แบงเปน 2 ชนด คอ
็
ื
ี
่
่
้
ี
ื
ิ
ี
- สแทหรอสจรง
ี
้
็
ื
ิ
ี
ื
้
สแทหรอสจรง หมายถึงสทละลายเปนเน้อเดียวกับน้า สแทเกดจาก
ี
ิ
ี
ี่
สารอินทรยซึ่งย่อยสลายยากประเภทกรด "ฮิวมิค" และ "ฟุลวิค" (Humic acid & Fulvic acid) ทเกดจากการ
ิ
ี่
ี
์
ี
ี
ี
้
็
ี
ี่
ย่อยสลายของพืชต่าง ๆ กรดอินทรยเหล่าน้เปนสารทคงตัวสูงมากจนไม่สลายตัวอกต่อไป การกาจัดสแทน้ ี
์
จึงไม่ใช่ของง่าย
่
ี
- สทีปรากฏ
ี่
ี
ี
ี
้
ี่
้
สทปรากฏ หมายถึงสของน้าทสามารถกาจัดออกไดดวยวิธกายภาพ เช่น การตกตะกอน
ี่
้
หรอการกรอง และเมอกาจัดสทปรากฏแลว บางคร้งสแทหรอสจรงจะปรากฏใหเห็น (ถาม)
้
้
ี
ื
้
ื
ื่
ี
ิ
ั
ี
ี
่
1.2.4 ความขน (Turbidity)
ุ
ความขุนเกดจากสิ่งทลอยปะปนมากับน้า (สารแขวนลอย) เช่นทราย,โคลน ไป
่
ี่
ิ
์
็
้
์
ี่
ี
ื
จนถึงจาพวกอินทรยวัตถุ เช่นพชทเน่าเปอยและมูลสัตวเปนตน
ื่
ิ
่
่
ุ
่
ี
ิ
ี
่
้
ิ
1.3 สิงทไมบรสทธ์ชนดธรรมดาในน้า (Common Impurities in water)(ดูตารางท 3หนา 12)
่
ื
ี่
ี
ึ
สิงทไม่บรสุทธ์ชนดธรรมดาในน้าหมายถง น้าทมสิ่งเจอปน จน แปรสภาพไปตามสิ่งทเจอ
ี
ื
ี่
่
ิ
ิ
ิ
ปนเหล่านั้นและเปนสิ่งทเกดขึ้นเองตามธรรมชาติ
็
ิ
ี่
ี
นักเรยนจะสังเกตเห็นว่า จากวัฏจักรของน้า และลักษณะของน้าจรง ๆ นั้น น้าสะอาด
ิ
้
ิ
้
และบรสุทธ์โดยไม่ตองแกไขกใชได ้ สามารถนามาดื่มได ้ แต่ทตองมีการแกไขกเพราะตองการแยกเอา
้
็
ิ
้
้
้
็
ี่
สิ่งเจอปนมากับน้าออกเสยจากน้านั่นเอง (ดูตารางท 3)
ี่
ี
ื
1.4 โรคตาง ๆ ทีมากบน ้า
่
่
ั
โรคต่าง ๆ ทมากับน้า เปนโรคทเกยวกับระบบทางเดินอาหารเกอบทั้งสิ้น เท่าทคนพบ มี
้
็
ี่
ี่
ี่
ี่
ื
ี
้
ี
ี
็
ี่
้
มากกว่า 100 ชนิด แต่ในบทเรยนน้จะขอแนะนาใหทราบเพยง 7 ชนิดเท่านั้น เปนโรคทคุนหู โดยเฉพาะใน
สนามรบ